รับลมหนาวดูแลสุขภาพ กับ สมุนไพรไทยนานาชนิด
หลังจากที่ทนร้อนกันมานาน ฤดูหนาวก็เริ่มก้าวมาเยือน หลายคนอาจรอคอยสัมผัสสายลมหนาวกันให้ชุ่มฉ่ำใจ แต่หารู้ไม่ว่าอากาศหนาวๆ นี่แหละที่เป็นตัวการของโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายชนิด และมิหนำซ้ำลมหนาวที่กำลังโชยมายังส่งผลกระทบต่อผิวของสาวๆ โดยตรงอีกด้วย หากไม่รีบป้องกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวสวยไม่ทันเพื่อนไม่รู้นะ
แพทย์หญิงกานต์ชนก พานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กล่าวแนะนำวิธีการดูแลผิวพรรณในช่วงหน้าหนาวว่า มีวิธีการง่ายๆ อันดับแรกคือ ดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำวันละ 10 แก้ว (แก้วละ 180 ซีซี.) และควรรับประทานผัก ผลไม้ จำพวกที่ให้วิตามินซีแก่ร่างกายได้มาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว กีวี มะขาม มะเฟือง มะไฟ ซึ่งช่วยในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเรียบเนียน ผิวสดใส ไม่ซีดเซียว ควรรับประทานสดๆ หากปั่นหรือคั้นก็ควรดื่มทันที ไม่ควรแช่ตู้เย็นทิ้งไว้นานๆ เพราะวิตามินซีจะสลายตัวได้เร็ว
สำหรับการรับประทานอาหาร ในช่วงฤดูหนาวควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุงเสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อยและรสเผ็ด เช่น แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวานและน้ำพริก ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรในฤดูต่างๆ ก็ เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ส่วนการเลือกเครื่องดื่มในช่วงหน้าหนาวนี้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ซึ่งป้องกันการเป็นหวัดในช่วงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย
การดูแลและรักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริมต่างๆ เท่านั้น เพราะในผักและผลไม้ไทยที่หาได้ง่าย มีราคาถูก และมีสรรพคุณทางยา จำพวกพืชผักสมุนไพร ซึ่งเป็นอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อนที่สามารถหามารับประทานหรือนำมาปรุงอาหาร ได้ง่าย ได้แก่
กระเทียม เป็นพืชที่มีมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อน สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง และปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันโรคหวัด วัณโรค คอตีบ ปอดบวม ไทฟอยด์ มาลาเรีย คออักเสบและอหิวาตกโรคได้อีกด้วย
ขิง ขิงเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจัดอยู่ในพืชตระกูลเดียวกับข่า กระชาย ถือว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณหลากหลาย สามารถช่วยรักษาอาการป่วยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวได้
โหระพา เป็นไม้ล้มลุกใบมีสีเขียว ลำต้นสีม่วงหรือแดงเข้ม สรรพคุณช่วยแก้ไข้ ปวดศรีษะ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร
พริกไทย เป็นสมุนไพรที่ถูกใช้เป็นเครื่องเทศ และยังใช้แต่งกลิ่นอาหารมานานแล้ว นอกจากนี้ พริกไทยยังมีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และยังช่วยบรรเทาอาการไข้ได้อีกด้วย
"การ ดูแลร่างกายในช่วงอากาศหนาวเย็น ควรอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา แต่บางครั้งการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะ น้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป นอกจากนี้ การปกป้องผิวระยะยาวด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ติดฉลากว่าปราศจาก น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ นอกจากนี้ การป้องกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันด้วยการหมั่นใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว พรรณที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้นพิเศษ ที่สามารถเก็บกักน้ำและความชุ่มชื่นบนผิวเราได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ผิวก็จะคืนความนุ่มชุ่มชื่น สุขภาพดี ไม่ลอกเป็นขุย ยิ้มรับลมหนาวได้ตลอดฤดูกาลแล้วล่ะค่ะ" แพทย์หญิงกานต์ชนกกล่าวเสริม
หลังจากที่ทนร้อนกันมานาน ฤดูหนาวก็เริ่มก้าวมาเยือน หลายคนอาจรอคอยสัมผัสสายลมหนาวกันให้ชุ่มฉ่ำใจ แต่หารู้ไม่ว่าอากาศหนาวๆ นี่แหละที่เป็นตัวการของโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายชนิด และมิหนำซ้ำลมหนาวที่กำลังโชยมายังส่งผลกระทบต่อผิวของสาวๆ โดยตรงอีกด้วย หากไม่รีบป้องกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เดี๋ยวสวยไม่ทันเพื่อนไม่รู้นะ
แพทย์หญิงกานต์ชนก พานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง กล่าวแนะนำวิธีการดูแลผิวพรรณในช่วงหน้าหนาวว่า มีวิธีการง่ายๆ อันดับแรกคือ ดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำวันละ 10 แก้ว (แก้วละ 180 ซีซี.) และควรรับประทานผัก ผลไม้ จำพวกที่ให้วิตามินซีแก่ร่างกายได้มาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว กีวี มะขาม มะเฟือง มะไฟ ซึ่งช่วยในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเรียบเนียน ผิวสดใส ไม่ซีดเซียว ควรรับประทานสดๆ หากปั่นหรือคั้นก็ควรดื่มทันที ไม่ควรแช่ตู้เย็นทิ้งไว้นานๆ เพราะวิตามินซีจะสลายตัวได้เร็ว
สำหรับการรับประทานอาหาร ในช่วงฤดูหนาวควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุงเสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อยและรสเผ็ด เช่น แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวานและน้ำพริก ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรในฤดูต่างๆ ก็ เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ส่วนการเลือกเครื่องดื่มในช่วงหน้าหนาวนี้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ซึ่งป้องกันการเป็นหวัดในช่วงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย
การดูแลและรักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริมต่างๆ เท่านั้น เพราะในผักและผลไม้ไทยที่หาได้ง่าย มีราคาถูก และมีสรรพคุณทางยา จำพวกพืชผักสมุนไพร ซึ่งเป็นอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อนที่สามารถหามารับประทานหรือนำมาปรุงอาหาร ได้ง่าย ได้แก่
กระเทียม เป็นพืชที่มีมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อน สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง และปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันโรคหวัด วัณโรค คอตีบ ปอดบวม ไทฟอยด์ มาลาเรีย คออักเสบและอหิวาตกโรคได้อีกด้วย
ขิง ขิงเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจัดอยู่ในพืชตระกูลเดียวกับข่า กระชาย ถือว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณหลากหลาย สามารถช่วยรักษาอาการป่วยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวได้
โหระพา เป็นไม้ล้มลุกใบมีสีเขียว ลำต้นสีม่วงหรือแดงเข้ม สรรพคุณช่วยแก้ไข้ ปวดศรีษะ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร
พริกไทย เป็นสมุนไพรที่ถูกใช้เป็นเครื่องเทศ และยังใช้แต่งกลิ่นอาหารมานานแล้ว นอกจากนี้ พริกไทยยังมีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และยังช่วยบรรเทาอาการไข้ได้อีกด้วย
"การ ดูแลร่างกายในช่วงอากาศหนาวเย็น ควรอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา แต่บางครั้งการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะ น้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป นอกจากนี้ การปกป้องผิวระยะยาวด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ติดฉลากว่าปราศจาก น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ นอกจากนี้ การป้องกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันด้วยการหมั่นใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว พรรณที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้นพิเศษ ที่สามารถเก็บกักน้ำและความชุ่มชื่นบนผิวเราได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ผิวก็จะคืนความนุ่มชุ่มชื่น สุขภาพดี ไม่ลอกเป็นขุย ยิ้มรับลมหนาวได้ตลอดฤดูกาลแล้วล่ะค่ะ" แพทย์หญิงกานต์ชนกกล่าวเสริม